Software Open Source

เมนเฟรมคอมพิวเตอร์ (Mainframe Computers)

เมนเฟรมคอมพิวเตอร์ (Mainframe Computers) เป็นคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับการประมวลผลและการทำงานในระดับความซับซ้อนสูงและปริมาณข้อมูลจำนวนมาก เมนเฟรมคอมพิวเตอร์เป็นคอมพิวเตอร์ที่พัฒนาขึ้นตั้งแต่ยุคแรกๆ ของการผลิตเครื่องคอมพิวเตอร์และมีสมรรถนะสูงมาก โดยเป็นรองแค่ซูเปอร์คอมพิวเตอร์เท่านั้น สาเหตุที่เรียกว่า เมนเฟรมคอมพิวเตอร์ เพราะลักษณะของตัวเครื่องคล้ายโครงตู้ขนาดใหญ่ที่มีอุปกรณ์เป็นจำนวนมากบรรจุอยู่ด้านใน
เมนเฟรมคอมพิวเตอร์เหมาะกับงานที่ต้องการประมวลผลข้อมูลใหญ่ๆ หรืองานที่ต้องการประสิทธิภาพและความเสถียรในการทำงานตลอดเวลา โดยมักใช้ในองค์กรหรือธุรกิจที่มีความต้องการในการประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่ความสามารถในการประมวลผลและความเสถียรมีความสำคัญสำหรับการทำงานขององค์กรในระยะยาว เช่น งานด้านวิศวกรรม วิทยาศาสตร์ และงานธนาคาร ที่ต้องการตรวจสอบบัญชีลูกค้าหลายคน หรืองานของสำนักงานทะเบียนราษฎร์ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม เมนเฟรมคอมพิวเตอร์ก็เป็นสิ่งที่คนไม่นิยมใช้กันแล้วในปัจจุบัน เนื่องจากมีข้อเสียหลายอย่าง ทั้งราคาที่สูงมาก ขนาดที่ใหญ่มาก มีการใช้งานที่ค่อนข้างยาก และต้องอยู่ในห้องที่มีการควบคุมอุณหภูมิและมีการดูแลรักษาเป็นอย่างดี อีกทั้งคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กมีประสิทธิภาพและความสามารถดีขึ้น ราคาถูกลง รวมถึงระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ก็มีการพัฒนาขึ้นจนทำให้การใช้งานบนเครือข่ายกระทำได้เหมือนการใช้งานบนเมนเฟรม

คุณสมบัติเด่นของคอมพิวเตอร์เมนเฟรม

1. ประสิทธิภาพสูง: คอมพิวเตอร์เมนเฟรมมีความสามารถในการประมวลผลข้อมูลจำนวนมากได้อย่างรวดเร็วและมีความสามารถในการดำเนินการที่ซับซ้อน โดยมีแรม (RAM) และหน่วยประมวลผลหลายหน่วยซึ่งสามารถขยายการประมวลผลโดยการเชื่อมต่อกับหน่วยประมวลผลเสริม (Processor) ได้
2. จัดเก็บข้อมูลจำนวนมาก: มีระบบจัดเก็บข้อมูลจำนวนมากได้อย่างปลอดภัย เช่น หน่วยความจำแรมขนาดใหญ่ และระบบจัดเก็บข้อมูลแบบ RAID เพื่อความปลอดภัยของข้อมูล
3. ความเสถียรสูง: ออกแบบมาเพื่อรองรับในการทำงานตลอดเวลา โดยมีความสามารถในการควบคุม สำรอง และกู้คืนข้อมูลเพื่อป้องกันการขัดข้องหรือข้อมูลสูญหาย
4. ความมั่นคงของระบบ: คอมพิวเตอร์เมนเฟรมมักออกแบบมาให้สามารถรับมือกับข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นได้โดยมีระบบสำรองและการกู้คืนข้อมูล รวมถึงระบบสำรองพลังงานและการรับมือกับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น เพื่อไม่ให้เกิดการหยุดชะงัก
5. ความยืดหยุ่นในการปรับขยาย: มีความยืดหยุ่นในการปรับปรุงฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ เพื่อรองรับความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปได้
6. การควบคุมและการดูแล: คอมพิวเตอร์เมนเฟรมมักมีระบบการควบคุมและการดูแลที่ใช้ในการจัดการและดูแลระบบทั้งหมดในระดับที่มากขึ้น.
7. ความทนทานและความแข็งแกร่ง: คอมพิวเตอร์เมนเฟรมควรมีความทนทานและความแข็งแกร่งเพื่อทนทานการทำงานตลอดเวลาและสภาวะแวดล้อมที่แปลกปลอม.
8. ความปลอดภัย: มีการมีความรับผิดชอบทางความปลอดภัยและมีระบบการควบคุมการเข้าถึงที่เข้มงวดเพื่อป้องกันการละเมิดลิขสิทธิ์หรือการเข้าถึงไม่ถูกต้อง

ความเป็นมาของคอมพิวเตอร์เมนเฟรม

คอมพิวเตอร์เมนเฟรมเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในประวัติศาสตร์การพัฒนาเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ ก่อนที่คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลและคอมพิวเตอร์เซิร์ฟเวอร์เล็กๆ จะกลายเป็นที่นิยมมากขึ้นในหลายสิบปีต่อมา ในยุคแรกๆ คอมพิวเตอร์มักจะมีขนาดใหญ่มากๆ ใช้สำหรับงานด้านคณิตศาสตร์และการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งมักจะต้องใช้ทรัพยากรฮาร์ดแวร์จำนวนมากและมีขนาดใหญ่จนกระทั่งจะต้องมีห้องที่ติดตั้งเครื่องปรับอากาศเป็นพิเศษสำหรับเก็บคอมพิวเตอร์โดยเฉพาะ
ในปี 1964 บริษัท IBM เปิดตัวระบบคอมพิวเตอร์ System/360 ซึ่งเป็นคอมพิวเตอร์เมนเฟรมเครื่องแรกที่สามารถแลกเปลี่ยนฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ระหว่างรุ่นที่แตกต่างกันได้ นั่นหมายความว่าลูกค้าสามารถอัปเกรดระบบได้โดยไม่ต้องทิ้งระบบเดิมทิ้งไป การพัฒนานี้มีความสำคัญอย่างมากในอุตสาหกรรมและเป็นต้นแบบในการพัฒนาคอมพิวเตอร์เมนเฟรมในยุคต่อๆ มา

ในช่วงยุค 70 และ 80 คอมพิวเตอร์เมนเฟรมกลับมามีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมและการดำเนินการของรัฐบาล โดยเฉพาะในงานที่ต้องการประมวลผลข้อมูลในปริมาณมหาศาล เช่น ระบบงานธนาคาร ระบบการจัดการราชการ และอุตสาหกรรมแขนงต่างๆ
ในยุคต่อมา คอมพิวเตอร์เมนเฟรมได้รับการพัฒนาเพื่อลดขนาด เพิ่มประสิทธิภาพ และรวบรวมลงในหน่วยความจำขนาดใหญ่มากขึ้น พัฒนาการนี้มีส่วนช่วยในการเพิ่มความเสถียรและประสิทธิภาพของคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลและเซิร์ฟเวอร์ระดับกลางในภายหลัง
จนกระทั่งในช่วงปลายยุค 90 ถึงต้นยุค 2000 มีการยุบคอมพิวเตอร์เมนเฟรมในองค์กรบางแห่ง เนื่องจากคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลและเทคโนโลยีเครือข่ายที่เติบโตเร็วขึ้นกำลังมาแทนที่ความต้องการส่วนใหญ่ที่เคยมีในคอมพิวเตอร์เมนเฟรม
อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันคอมพิวเตอร์เมนเฟรมก็ยังคงมีบทบาทในองค์กรและธุรกิจที่มีความต้องการในการประมวลผลข้อมูลปริมาณมากและมีความเสถียร รวมถึงมีการจัดเก็บข้อมูลเป็นระยะเวลานาน โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมธนาคาร ระบบการจัดการราชการ และธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลมหาศาล